BANGKOK, THAILAND, Oct 3, 2025 - (ACN Newswire) - Asia Research & Engagement (ARE) เปิดตัวรายงาน Bridging the Gap: Have ASEAN Banks Caught Up on Climate Action? ซึ่งประเมินยุทธศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศของธนาคารรายใหญ่ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ โดยผลการศึกษาพบว่า ธนาคารอาเซียนมีพัฒนาการที่ชัดเจน โดย 11 จาก 14 แห่งได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวสู่ความเป็นศูนย์สุทธิของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการให้สินเชื่อและการลงทุน (Net Zero Emissions Financed Emissions) เพิ่มขึ้นจากเพียง 3 แห่งในปี 2022 อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาเซียนโดยรวมยังตามหลังธนาคารในญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ซึ่งมีเป้าหมายการลดคาร์บอนที่ครอบคลุม เข้มข้น และสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ระดับชาติภายในปี 2050
ธนาคารรายใหญ่ของภูมิภาคที่อยู่ในขอบเขตการศึกษา
รายงานครอบคลุมธนาคาร 14 แห่งใน 4 ตลาดอาเซียน ได้แก่
อินโดนีเซีย: Bank Central Asia, Bank Negara Indonesia, Bank Rakyat Indonesia, Bank Mandiriมาเลเซีย: CIMB, Maybank, Hong Leongฟิลิปปินส์: BDO, Bank of the Philippine Islands, Metrobankไทย: ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank), ธนาคารกสิกรไทย (KBank), ธนาคารกรุงไทย(Krungthai Bank), ธนาคารไทยพาณิชย์ (Siam Commercial Bank)
ความก้าวหน้าด้านนโยบาย: มาเลเซียนำ ไทยและอินโดนีเซียไล่ตาม
ผลการดำเนินงานด้านนโยบายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 38% ในปี 2025 จาก 20% ในปี 2022 กว่าครึ่งของธนาคารได้ประกาศยุติการสนับสนุนโครงการถ่านหินใหม่ ซึ่ง 5 แห่งได้กำหนดไทม์ไลน์ในการยุติการลงทุนในถ่านหินที่มีอยู่แล้ว ขณะเดียวกันมีธนาคาร 6 แห่งออกนโยบายครอบคลุมอุตสาหกรรมคาร์บอนเข้มข้น แต่เพียง 5 แห่งที่กำหนดเป้าหมาย net-zero สอดคล้องกับปี 2050
ในไทย ธนาคารกสิกรไทย (KBank) เป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่เปิดเผยนโยบายจำกัดการปล่อยกู้สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซโดยเฉพาะ โดยภาพรวมธนาคาร CIMB และ Maybank ของมาเลเซียยังคงเป็นผู้นำ ขณะที่ธนาคาร BRI ของอินโดนีเซียและ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Siam Commercial Bank) ของไทยมีพัฒนาการที่ดี
การเสริมสร้างธรรมาภิบาล: ไทยและมาเลเซียนำ อินโดนีเซียเร่งพัฒนา
แนวปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคะแนนเฉลี่ยปรับตัวขึ้นเป็น 54% จาก 39% ในปี 2022 ทุกธนาคารได้เปิดเผยความรับผิดชอบด้านความยั่งยืนในระดับคณะกรรมการ และกว่าครึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศอยู่ในบอร์ดผู้บริหาร ธนาคารที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในด้านนี้คือ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ของไทย รวมถึงธนาคาร CIMB และ Maybank ของมาเลเซีย ขณะที่ธนาคาร BCA ของอินโดนีเซียและ HLB มีพัฒนาการที่โดดเด่นที่สุด
การบริหารความเสี่ยง: อินโดนีเซียและมาเลเซียนำ ไทยยกระดับ
เป็นครั้งแรกที่มีธนาคาร 8 แห่งเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการสนับสนุนทางการเงินในปี 2025 จากเดิมที่ไม่มีเลยในปี 2022 และ 10 แห่งรายงานสัดส่วนพอร์ตในภาคอุตสาหกรรมคาร์บอนเข้มข้น (เพิ่มขึ้นจาก 4 แห่ง) โดยธนาคาร BRI และ Mandiri ของอินโดนีเซียโดดเด่นด้านพัฒนาการ ขณะที่ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ของไทยก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน การนำแผนการบริหารความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนผ่านในระดับลูกค้า (client-level transition risk plans) ควบคู่กับการประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีจากความร่วมมือเพื่อการจัดทำบัญชีคาร์บอนทางการเงิน (PCAF: Partnership for Carbon Accounting Financials) สะท้อนถึงการยกระดับมาตรฐานของธนาคารในภูมิภาค แม้ว่าปัจจุบันมีเพียง 3 แห่งที่บูรณาการการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risk) อย่างมีประสิทธิผล
โอกาส: การเงินสีเขียวและการเงินเพื่อความยั่งยืนเติบโตเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ธนาคารอาเซียนเริ่มเห็นโอกาสเติบโตที่สำคัญในด้านการเงินสีเขียวและการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยในปี 2025 มีธนาคาร 9 แห่งที่เปิดเผยเป้าหมาย เพิ่มขึ้นจาก 5 แห่งในปี 2022 สำหรับธนาคารที่ได้กำหนดเป้าหมายในทั้งสองปี ปริมาณการจัดหาเงินทุนได้ขยายตัวหลายเท่าตัว แม้จะยังอยู่บนฐานการเติบโตที่เล็ก
นาย เบน แมคคาร์รอน ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการองค์กร ARE กล่าวว่า “ธนาคารอาเซียนมีความคืบหน้าอย่างชัดเจน ตั้งแต่การเสริมสร้างธรรมาภิบาล คำมั่นสู่ net-zero ไปจนถึงข้อจำกัดใหม่ด้านการจัดหาเงินกู้สำหรับโครงการถ่านหิน แต่ก็ยังมีงานที่ต้องเร่งดำเนินการต่อไป ARE ผ่านการทำวิจัยเชิงเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเป็น Shifting Gears (2024) และ Banking Asia’s Future (2022) ให้การยอมรับสถาบันการเงินที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็ผลักดันให้ธนาคารในภูมิภาคอาเซียนเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำร่วมกัน”
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
เกณฑ์การคัดเลือกและระเบียบวิธีการประเมินธนาคารอาเซียน
ไทย: 4 แห่งอินโดนีเซีย: 4 แห่งฟิลิปปินส์: 3 แห่งมาเลเซีย: 3 แห่งมูลค่าสินทรัพย์และสินเชื่อรวม: สินทรัพย์รวม 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินให้กู้รวม 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละตลาดได้คัดเลือกธนาคารขนาดใหญ่ 3–4 แห่ง โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดธนาคาร 12 แห่งมีความต่อเนื่องจากรายงาน Banking Asia’s Future ปี 2022
สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มในชุดการวิจัยด้านธนาคารและการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศในเอเชียได้ที่ ARE
เกี่ยวกับ Asia Research & Engagement (ARE)
Asia Research & Engagement (ARE) เป็นองค์กรที่เชื่อมโยงนักลงทุนชั้นนำกับบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย เพื่อร่วมกันรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนให้ธุรกิจปรับตัวสอดคล้องกับความคาดหวังของนักลงทุน ด้วยประสบการณ์ในภูมิภาค ทีมงานที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม งานวิจัยอิสระที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ เครือข่ายนักลงทุนที่กว้างขวาง และความเชี่ยวชาญในการสร้างการมีส่วนร่วม เป็นปัจจัยหลักในการเสริมข้อมูลเชิงลึก เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้นำบริษัทและผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านการเงินในการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติจริง
สำหรับการขอสัมภาษณ์และข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
Wani Diwakar
Asia Research & Engagement (ARE)
wani.diwarkar@asiareengage.com